คุณสมบัติและสรรพคุณทางยาตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนโดยธรรมชาติ ของไข่มุก
ไข่มุกจะมีคุณสมบัติเย็น มีรสออกหวานและเค็ม วิ่งเส้นลมปราณของตับและหัวใจ
สรรพคุณ
๑. สงบ ตับ เพิ่มยิน ลดภาวะหยางสู่เบื้องบน คุณสมบัตินี้ใช้รักษาโรคหรือภาวะที่มียินพร่อง ทำให้หยางแกร่งและลอยสู่เบื้องบน หรือภาวะหยางของตับแกร่ง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการมึนงง ปวดศีรษะ มีเสียงดังในหู หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ตรวจดูลิ้นมีสีแดง ฝ้าบนลิ้นน้อย ชีพจรตึง
๒. ลดความร้อน ของไฟตับ ทำให้สายตาดีขึ้น ช่วยลดอาการตาบอดกลางคืน สายตามัวเนื่องจาก ยินของตับพร่อง ภาวะไฟตับกำเริบ จะแสดงออกที่ตา ตาแดง หน้าแดง เวียนศีรษะ หูอื้อ หูมีเสียง คอขม ปัสสาวะเหลือง ลิ้นแดง ฝ้าบนลิ้นมีสีเหลือง ชีพจรเร็วและตึง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำเป็นขี้ผึ้งป้ายตาที่มีส่วนผสมของไข่มุก ใช้รักษาโรคต้อกระจก กระจกตาอักเสบเป็นแผล ซึ่งมีผลในการรักษาได้ดีเป็นที่น่าพอใจ
๓. ใช้รักษาโรคแผลในกระเพาะ อาหาร แผลอักเสบและเน่าเปื่อย ในกรณีที่มีการหลั่งกรดมากเนื่องจากมีภาวะร้อนในร่างกาย คุณสมบัติของไข่มุกสามารถช่วยแก้ปวด ลดกรด และมีฤทธิ์ในการห้ามเลือด ช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อ
๔. ฤทธิ์ในการสงบประสาท คลายเครียด ทำให้นอนหลับ ใช้รักษาอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม สมองอ่อนล้า เด็กที่มีภาวะทางจิตบกพร่อง
๕. ใช้ทาภายนอก มีฤทธิ์ในการขับความชื้น พยุงรั้ง ทำให้ผิวมีน้ำมีนวล สามารถรักษาโรคคันที่ผิวหนัง ลมพิษ ลดการอักเสบ
ตัวอย่าง ตำรับยาจีนที่มีส่วนผสมของไข่มุก
๑. (เจิ่น จิง หวาน) ใช้รักษาโรคลมชัก อาการชักในเด็ก โรคใจสั่นเนื่องจากตกใจ
๒. (ซี ป่าว กาว) ใช้รักษาตาแดง ตาอักเสบ แผลที่กระจกตา ต้อกระจก
๓. (จู หวง ส่าน) ใช้รักษาแผลอักเสบเรื้อรัง เช่น แผลที่ลำคอ โดยการใช้เป็นผงพ่นไปในลำคอ
๔. (เซิง จี ส่าน) ใช้รักษาแผลอักเสบเรื้อรังและช่วยให้เนื้อเยื่อของแผลหายได้เร็วขึ้น
๕. (เจิน จู หมู่ หวาน) ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับภาวะเลือด และยินพร่อง ซึ่งทำให้ลมและหยางในร่างกายแปรปรวน ทำให้นอนไม่หลับ บางทีตกใจแล้วมีอาการใจสั่น ใบหน้าไม่มีน้ำมีนวล (ขาดเลือด และสารยิน) เวียนศีรษะ ลักษณะชีพจรเล็กและอ่อน
ผลการศึกษาในสัตว์ทดลอง
๑. เมื่อผสมผงไข่มุกให้สัตว์ทดลองกิน จะลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้มีการขับปัสสาวะได้มากขึ้น
๒. ช่วยให้แผลอักเสบในสัตว์ทดลองหายเร็วขึ้น
การใช้และขนาดที่ใช้
ไข่มุกผง มีกรรมวิธีทำได้ ๒ อย่าง คือ
๑. บดให้เป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปบดอีกทีในน้ำให้ละเอียด จากนั้นนำมาตากเป็นผงแห้ง
๒. เอา ใส่หม้อเหล็กปิดฝา ให้ความร้อน เพื่อให้ไข่มุกแห้งและเปราะ เมื่อมีเสียง "แคร็ก" เป็นอันใช้ได้ เอาไข่มุกที่เปราะนั้นมาบดเป็นผง
ขนาดในการกินถ้าเป็นผงสำเร็จ
ข้อควรระวังในการใช้
ผู้ ป่วยที่มีร่างกายเป็นยินหรือขาดความร้อน (หยาง) ขี้หนาว มือเท้าเย็น หรือไม่มีภาวะของไฟเกิน หรือไม่มีภาวะความร้อนในร่างกายมากเกิน ถ้าใช้ยาที่มีส่วนผสมของไข่มุก หรือกินไข่มุกล้วนๆ ต้องระมัดระวัง เพราะไข่มุกมีคุณสมบัติเย็น มีฤทธิ์ยับยั้ง ลดความร้อน การอักเสบ จะทำให้การทำงานของระบบร่างกายต่างๆลดลงเป็นผลให้ร่างกายอ่อนแอมากขึ้น
สรุป : ใน ตำรับแพทย์จีนโบราณ ได้กล่าวถึงคุณสมบัติของไข่มุกไว้ว่า เป็นยาเย็นรสหวาน เค็ม ช่วยสงบอารมณ์ (สงบตับ) ลดความร้อนของไฟตับ แก้ลมชัก แก้เวียนศีรษะ (ลมตับขึ้นเบื้องบน) แก้หูอื้อ หูมีเสียงดัง(ความร้อนขึ้นเบื้องบน) หยุดเลือด ลดการอักเสบของตา (ตับ เปิดทวารที่ตา) ช่วยการนอนหลับ แก้ใจสั่น (ไฟหัวใจกำเริบ) เพราะคุณสมบัติที่เย็น และวิ่งเส้นลมปราณตับและเส้นลมปราณหัวใจนั่นเอง
การใช้ไข่มุกในแง่ ของส่วนประกอบบำรุงผิว ถ้าใช้กินจะต้องกินในขนาดที่พอเหมาะและพิจารณาสภาพร่างกายด้วยว่า ร่างกายควรต้องเป็นคนที่มีภาวะความร้อนเกิน ซึ่งอาจเกิดจากความร้อนจากภายนอกหรือความร้อนจากภายในร่างกาย ที่เกิดจากภาวะขาดสารยินหรือยินพร่อง ทำให้เกิดไฟ จึงจะมีประโยชน์ร่วมกับการใช้ตำรับยาอื่นๆ รักษาสมดุลของร่างกายให้ถูกต้อง ส่วนการทาภายนอกจะมีประโยชน์ในแง่ลดการอักเสบ ขจัดความชื้นของผิว ทำให้ไม่มีผื่นคันจากความร้อนชื้น แล้วสามารถดึงรั้งน้ำทำให้เกิดความมีน้ำมีนวลได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องความสวยงามของใบหน้าไม่สามารถพิจารณา และให้การรักษาเฉพาะส่วนเท่านั้น เพราะราศี สีสัน และความงามบนใบหน้า เป็นภาพสะท้อนถึงภาวะร่างกายและจิตใจโดยองค์รวม คนที่มีสภาพร่างกายและจิตใจที่มีโรค มีความเศร้าหมอง ทำอย่างไรสีหน้า และความมีราศีของใบหน้าก็ไม่อาจจะมีความสดใสและความงามที่แท้จริงได้
ขอบคุณที่มา หมอชาวบ้านhttp://foundation.doctor.or.th/